ดื่มน้ำ ต้านโรค

ดื่มน้ำป้องกันสมองเสื่อม ต้านไมเกรน

งานวิจัยจาก มหาวิทยาลัยทัฟตส์ (Tufts University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ภาวะขาดน้ำ สัมพันธ์กับความรู้สึกโกรธ หดหู่ และสับสน สอดคล้อง กับ The Journal of Nutrition ซึ่งศึกษาพบว่า การขาดน้ำมีผลต่อการทำงานของสมอง

การทดลองทำโดยให้อาสาสมัครชายหญิงอายุ ระหว่าง 20 – 23 ปี ออกกำลังกายจนเสียเหงื่อมากแต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มน้ำชดเชย นักวิจัยทำให้อาสาสมัครอยู่ในภาวะขาดน้ำระดับอ่อน (Mild Dehydration) หรือสูญเสียน้ำประมาณ 1.5 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำในร่างกาย จากนั้นจึงให้ทำแบบทดสอบประเมินประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

ผลจากการทดสอบระบุว่า อาสาสมัครมีสมาธิ และความสามารถในการตัดสินใจลดลง มีอาการอ่อนเพลีย และปวดศีรษะร่วมด้วย ไม่เฉพาะหลังออกกำลังกาย ภาวะขาดน้ำระดับอ่อนยังเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันหากดื่มน้ำน้อยเกินไป สามารถตรวจสอบได้ด้วยการดูสีปัสสาวะ โดยปกติปัสสาวะควรมีสีเหลืองอ่อน หากปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม หรือสีเหลืองน้ำตาลแสดงว่าร่างกายกำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ

การดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอนอกจากช่วยเสริม การทำงานของสมอง ยังช่วยลดอาการไมเกรนได้อีกด้วย ดังการศึกษาจาก The Journal of Neurology ทำการทดลองโดยแบ่งผู้ป่วยโรคไมเกรนออกเป็น 2 กลุ่ม โดยให้ทั้ง 2 กลุ่มกินอาหารประจำวันตามปกติ ต่างกันเพียง กลุ่มแรกให้ดื่มน้ำเปล่าวันละ 6 แก้ว (1.5 ลิตร) ส่วนอีกกลุ่มให้ดื่มน้อยกว่า หลังทำการทดลอง 2 สัปดาห์ ปรากฏว่า กลุ่มที่ดื่มน้ำเปล่าวันละ 6 แก้วมีอาการปวดศีรษะลดลงอย่าง เห็นได้ชัด โดยความถี่ของอาการปวดศีรษะลดลง 21 ชั่วโมงใน 2 สัปดาห์

ผลสำรวจจาก American Journal of Epidemiology ติดตามผลของการดื่มน้ำเปล่าต่อสุขภาพนาน 6 ปี ทำให้ทราบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำเปล่ามากกว่าวันละ 5 แก้ว มีอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายต่ำกว่าผู้ที่ดื่มน้ำเปล่าเฉลี่ยวันละ 2 แก้วถึง 41 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ผู้ที่ดื่มน้ำเพียงพอ ไม่รอให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ลดลง 45 เปอร์เซ็นต์ ความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะและโรคมะเร็งเต้านมลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะน้ำช่วยเจือจางสารพิษในลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น ลดการสะสมของสารพิษหรือสารก่อมะเร็งซึ่งอาจทำปฏิกิริยากับผนังลำไส้จนลุกลามเป็นมะเร็งร้าย

นอกจากน้ำเปล่า ควรกินผลไม้ฉ่ำน้ำ รสไม่หวานจัด และน้ำซุป หรือน้ำแกงตามสูตรชีวจิตร่วมด้วย เพื่อเสริมสารอาหาร ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย และป้องกันโรคอย่างแท้จริง

ที่มา : https://goodlifeupdate.com/healthy-body/68210.html/2